เมืองที่ว่ากันว่า จะกลายเป็น “ปาย” แห่งที่สอง
อากาศร้อนเหมือนจะหยุดเวลาเมืองแห่งนี้ไว้ให้นิ่งสนิท
เปลวแดดเต้นเร่าอยู่บนผิวถนนคอนกรีตไอระอุ ถนนเส้นเลียบริมโขงแทบว่างเปล่า
นานๆ จะมีรถวิ่งผ่านสักคันหนึ่ง
บ้านเรือนที่เป็นห้องแถวไม้ส่วนใหญ่ปิดประตูเงียบเชียบ ราวกับร้างไร้ผู้คนอยู่อาศัย…แต่ที่จริงแล้วมีวิถีชีวิตดำเนินอยู่ภายใต้ความเงียบสงัดเหล่านั้น
แม้จะไม่คึกคักเท่ากับถนนเส้นบนที่เป็นฝั่งตลาเศรษฐกิจของเมือง แต่บ้านเรือนฝั่งติดริมแม่น้ำโขงนี้เคยเป็นศูนย์กลางความรุ่งเรืองของเชียงคานในยุคหนึ่ง ยุคที่ผู้คนสองฝั่งโขงข้ามฟากไปมาหาสู่กันได้โดยอิสระ
เชียงคานสถานที่เคยเป็นเมืองท่าสำคัญที่เป็นแหล่งซื้อขายฝ้ายขนาดใหญ่
รวมทั้งสินค้าจำเป็นอย่างเช่นน้ำมันเชื้อเพลิงในอดีตระหว่างลาวกับไทย
ความรุ่งเรืองนั้นยังหลงเหลือตกทอดมาถึงปัจจุบัน ตึกแถวไม้ใหญ่น้อยที่เรียงรายตลอดสองฟากถนน แสดงให้เห็นว่ายุคหนึ่ง เศรษฐกิจที่นี่เคยรุ่งเรืองปานใด… แม้ทุกวันนี้เรือนแถวไม้เหล่านั้นจะถูกปิดไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำการค้าคึกคักอย่างสมัยก่อน แต่บางห้องเริ่มมีการปรับปรุงเปิดรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเชียงคานมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงระยะปีหลังมานี้ ที่ชื่อของเชียงคานเริ่มหอมหวนขึ้นมาในหมู่นักเดินทางคนไทยว่า ที่นี่จะเป็น"ปาย"แห่งที่สอง
แต่ไม่มีใครอยากให้เชียงคาน เป็นเหมือน"ปาย"
หลังจากชื่อของ 'ปาย' กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮิตติดลมบนไปเมื่อหลายปีก่อน เชียงคานกำลังเจริญรอยตามปายมาติดๆ ทั้งจุดเริ่มจากเป็นเมืองฮิตของ Lonely Planet และบรรดาเหล่าแบ็คแพคเกอร์ จากนั้นก็ตามมาด้วยนักเดินทางชาวไทยที่รักความสงบ ช่างภาพ ศิลปิน นักเขียน และคนทำงานศิลปะแขนงต่างๆ เป็นหัวหอกที่เข้ามาท่องเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศกลุ่มแรกๆ ไปจนถึงอยู่ตั้งรกรากที่นั่น
เมื่อเริ่มมีกระแสคนไทยมาเที่ยวเชียงคาน ทำให้เมืองเล็กๆ
ชายโขงแห่งนี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ทางด้านคนเชียงคานเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการรวมกลุ่มพูดคุยกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เรื่องการออกกฎควบคุมอาคารสูง การทาสีอาคารบ้านเรือน และการใช้พื้นที่ถนนริมเขื่อนสาธารณะที่ติดแม่น้ำโขง เพื่อไม่ให้การท่องเที่ยวมาทำให้บ้านเกิดของพวกเขาเปลี่ยนไปจนไม่หลงเหลือเสน่ห์แบบธรรมชาติบริสุทธิ์ เช่นที่เมืองท่องเที่ยวอย่างปายประสบมาก่อน
ความงดงามในแบบธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิม กำลังจะเลือนหายไปจากปาย...แต่ที่เชียงคาน
หลายคนมองเห็นปัญหาและได้คิดหาแนวทางแก้ไข ธรรมชาติวัฒนธรรม รายได้ ความเจริญ
มันจะต้องเดินควบคู่กันและต้องไม่ทำลายกัน
No comments:
Post a Comment